top of page
พระบรมธาตุมหาเจดีย์
           เป็นเจดีย์ที่สร้างโดยสมเด็จเจ้าพระยามหาประยูรวงศ์ (ดิศ บุนนาค)  แต่ยังมิทันแล้วเสร็จได้ถึงแก่พิราลัยไปก่อน ต่อมาสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ได้สร้างเจดีย์ต่อจนเสร็จสมบูรณ์ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ใน พ.ศ.2414 พระเจดีย์องค์ใหญ่ถูกสายฟ้าฟาดจนยอดพระเจดีย์หัก ไม่ได้รับการบูรณะเป็นเวลานานถึง 47 ปี จนกระทั่งถึงปี พ.ศ.2461 จึงได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์ให้บริบูรณ์ดังเดิม 
          รูปแบบของพระเจดีย์ เป็นเจดีย์ทรงระฆัง ได้รับการยกย่องว่าเป็นเจดีย์ทรงระฆังองค์แรกของกรุงเทพฯ มีความสูง 60.525 เมตร ประกอบด้วยฐานยกพื้นสูงทำเป็นลานประทักษิณ บนลานประดับด้วยเจดีย์ขนาดเล็กโดยรอบ 18 องค์ เหนือลานประทักษิณเป็นส่วนรองรับองค์ระฆังที่เป็นชั้นมาลัยเถา ชั้นรองรับองค์ระฆังที่มีขนาดเล็กสูงเพรียว เหนือองค์ระฆังมีบัลลังก์สี่เหลี่ยม ก้านฉัตร ปล้องไฉนและปลี ลักษณะของเจดีย์ทรงระฆังแบบนี้เป็นที่นิยมสร้างในสมัยรัชกาลที่ 4 ซึ่งมีต้นแบบมาจากเจดีย์ทรงระฆังในสมัยอยุธยา แต่รูปแบบเจดีย์ในสมัยรัชกาลที่ 4 จะมีองค์ระฆังเล็กและสูงเพรียวมากกว่า เช่น มีการเพิ่มส่วนฐานให้สูงขึ้นและเพิ่มชั้นมาลัยเถาให้มีหลายชั้นมากกว่าสมัยอยุธยาซึ่งจะมีเพียง 3 ชั้นเท่านั้น

        ต่อมาปี พ.ศ.2549 พระพรหมบัณฑิตเจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน ได้ปีนขึ้นไปบนเจดีย์องค์ใหญ่หลายครั้งจนพบห้องประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ พร้อมทั้งกรุบรรจุพระพุทธรูปและพระพิมพ์ถึง 2 กรุ ครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 และวันที่ 7  พฤศจิกายน พ.ศ.2550 ทางวัดจึงได้ขอให้สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร ช่วยจัดทำทะเบียนโบราณวัตถุและศิลปวัตถุเหล่านั้น ในปี พ.ศ.2553 โครงการการอนุรักษ์นี้ได้รับคัดเลือกจากสมาคมสถาปนิกสยาม ได้รับรางวัลอนุรักษ์ศิลปะสถาปัตยกรรมดีเด่นประเภทปูชนียสถานและวัดวาอาราม

       ในปี พ.ศ.2556 โครงการการบูรณะนี้ได้รับการยกย่องจากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ UNESCO ประกาศได้รับรางวัลยอดเยี่ยมอันดับ 1 ด้านการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก (Award of Excellence) ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยได้รับรางวัลนี้ ส่วนเกณฑ์ที่ทำให้ได้รับรางวัล ประการแรก คือการรักษาสิ่งที่เป็นมรดกอันทรงคุณค่าเป็นโบราณสถานไว้เป็นอย่างดี ประการที่สอง พระบรมธาตุมหาเจดีย์ได้แสดงถึงภูมิปัญญาท้องถิ่น ความเข้าใจอันลึกซึ้งในรูปแบบสถาปัตยกรรมสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นด้วยการเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่โครงสร้างภายใน ขณะที่ยังคงรูปแบบเดิมของเจดีย์ที่มีความลาดเอียงไว้ได้ อีกทั้งยังมีการบูรณะซ่อมแซมที่บูรณาการความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และวิถีการก่อสร้างแบบดั้งเดิมได้

 

              

พรินทรปริยัติธรรมศาลา พิพิธภัณฑ์พระ "ประยูรภัณฑาคาร

         ตั้งอยู่บริเวณมุขด้านหน้าพระบรมธาตุมหาเจดีย์ สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2428 เจ้าพระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค) มีจิตศรัทธาบูรณปฏิสังขรณ์กำแพงแก้วและซุ้มสีมารอบพระอุโบสถ สร้างศาลาใหญ่ 1 หลัง และต่อมุขพระบรมธาตุมหาเจดีย์เพื่อเป็นที่ศึกษาพระปริยัติธรรมของพระภิกษุสามเณร อุทิศแด่สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ ผู้เป็นบิดาและนางลูกอินผู้เป็นมารดา

       รูปแบบสถาปัตยกรรม เป็นอาคารชั้นเดียว สถาปัตยกรรมตะวันตก เหนือขอบหน้าต่างประดับกระจกสี ในปี พ.ศ.2459 ได้มีการปรับปรุงอาคารหลังนี้เป็นห้องอ่านหนังสือสำหรับประชาชนในวัดเป็นครั้งแรก ต่อมาในปี พ.ศ.2550 พระพรหมบัณฑิต ได้บูรณปฏิสังขรณ์อาคารหลังนี้ เมื่อแล้วเสร็จได้พัฒนาให้เป็นพิพิธภัณฑ์พระ “ประยูรภัณฑาคาร” จัดแสดงพระพุทธรูปและพระพิมพ์ที่ค้นพบจากกรุภายในองค์พระบรมธาตุมหาเจดีย์

 

              

bottom of page